fb88in

Movie

รวมหนังใหญ่ที่น่าหามาชมของสองดาวค้างฟ้าแห่งเอเชีย 'เหลียงเฉาเหว่ย' และ 'หลิวเต๋อหัว'

fb88inLiên kết đăng nhập

     โด่งดังมาในฐานะดาราหนุ่มที่ทีวีบี (TVB) สถานีโทรทัศน์ที่มี ชอว์ บราเธอร์ส (Shaw Brothers) เป็นแบ็กอัปใหญ่ หนุนหลังในเวลาไล่เลี่ยกัน แถมยังเล่นคู่กันในซีรีส์ ‘อุ้ยเสี่ยวป้อ’ ที่เป็นหนึ่งในการดัดแปลงนิยายเรื่องนี้ขึ้นจอได้ดีที่สุด จนแฟนๆ ติดงอมแงมทั้งซีรีส์ทั้งนักแสดงที่เป็นสองในกลุ่มห้าเสือทีวีบี ปีนี้ทั้งคู่ก็มีหนังใหญ่ที่เล่นประกบกันอีกครั้ง หลังการเจอกันก่อนหน้าใน Infernal Affairs คือหนึ่งในความคลาสสิกของโลกภาพยนตร์ ทั้งจากตัวหนังและการแสดงของพวกเขา

     หนังเรื่องนั้นก็คือ The Goldfinger ที่เข้าฉายรับตรุษจีนในบ้านเรา ส่วนสองนักแสดงคนที่ว่าก็คือ เหลียงเฉาเหว่ย หรือ โทนี เหลียง (Tony Leung) และหลิวเต๋อหัว หรือแอนดี เลา (Andy Lau) ที่คอหนังชาวไทยรู้จักดี

     วันนี้จะมาดูกันว่า ทั้งคู่มีหนังใหญ่ที่น่าหามาชมเรื่องอะไรบ้าง โดยจะว่ากันเบาๆ เพราะต่างก็มีผลงานระดับร้อยเรื่องทั้งคู่ ซึ่งก็คงต้องเริ่มด้วยหนังที่ทั้งคู่ประกบกันและกลายเป็นหนังในตำนาน เมื่อปลุกชีวิตหนังฮ่องกงขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งถูกนำไปสร้างใหม่โดยผู้กำกับมาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) และทำให้ผู้กำกับรายนี้คว้ารางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับเป็นหนแรก ส่วนตัวหนังก็ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

     Infernal Affairs (2002): นักวิจารณ์ฝรั่งรายหนึ่งชื่นชมว่า เหลียงเฉาเหว่ยแสดงให้เห็นในหนังเรื่องนี้ว่า เขาก็เล่นฉากแอ็กชันได้ดีไม่แพ้ดรามา ซึ่งจริงๆ แล้วแฟนๆ ของเหลียงเฉาเหว่ยรู้ดีว่า เขาครบเครื่องขนาดไหน ตั้งแต่ปรากฏตัวในซีรีส์แจ้งเกิด Police Cadet '84 หรือ ขวัญใจโปลิศ ชื่อฉบับวิดีโอ หรือ นักสู้ผู้พิทักษ์ ที่ใช้ตอนออกอากาศทางช่อง 3 แต่สิ่งหนึ่งที่ฝรั่งพูดถูกก็คือ นี่คืองานที่เหลียงเฉาเหว่ยยกระดับการแสดงขึ้นไปอีกขั้น กับบทตำรวจสายสืบที่ไปแฝงตัวในแก๊งมาเฟีย ซึ่งเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งในตัวเอง

     หลิวเต๋อหัวก็ทำได้ไม่แพ้กัน แจะดูเป็นรองเพื่อน แต่การที่ตัวละครของเขาซึ่งเป็นขั้วตรงข้าม เมื่อเป็นคนของแก๊งมาเฟียที่ไปแฝงตัวในกรมตำรวจ ยังคงมีบทบาทในหนังภาคต่อมา ก็แสดงให้เห็นว่า เขาเล่นรับ-ส่งกับเหลียงเฉาเหว่ย ในฐานะลมใต้ปีกของเพื่อนได้ดีเพียงใดในภาคแรก และทำให้หนังภาคต่อออกมาเยี่ยมแค่ไหน แล้วจากที่รู้ๆ กัน ไม่มี Infernal Affairs ถ้าไม่มีหลิวเต๋อหัว ซึ่งหนุนหลังผู้เขียนบท-ผู้กำกับของหนัง แอนดรูว์ เลา (Andrew Lau) กับอลัน มัก (Alan Mak) สุดตัว  

     หนังหาชมได้จาก ดิสนีย์พลัส ฮ็อตสตาร์, อ้ายฉีอี้, เน็ตฟลิกซ์ และ วีทีวี  

หนังห้ามพลาดของเหลียงเฉาเหว่ย

     ด้วยอายุการทำงานที่สตาร์ตตั้งแต่ปี 1981 ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ “คัด” หนังห้ามพลาดของเหลียงเฉาเหว่ยให้เหลือแค่ไม่กี่เรื่อง ด้วยความที่เจ้าตัวมอบการแสดงระดับหัวๆ ให้ในหนังทุกเรื่องก็ว่าได้ สมกับที่ได้รับรางวัลเกียรติยศในการทำงานจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิซครั้งล่าสุด (2023) แล้วยังเคยคว้ารางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มาครองอีกด้วย และนี่คือส่วนหนึ่งของงานดีๆ ของนักแสดงชายคนนี้  
In the Mood for Love (2000)

     งานกำกับของหว่องการ์ไว (Wong Kar-wai) ที่ได้ชื่อว่าเป็นงานแนะนำหนังเอเชียและเหลียงเฉาเหว่ยให้พื้นที่อื่นๆ ของโลกนอกจากเอเชียได้รู้จัก โดยเขารับบทตัวละครศูนย์กลางของหนัง มอบการแสดงออกด้วยดวงตา ที่ถ่ายทอดอารมณ์ให้ผู้ชมรับรู้ ได้โดยที่ไม่ต้องพูดจาให้มากความ รวมถึงสร้างเสน่ห์ให้ตัวละคร จนผู้ชมอาจจะอยากเปลี่ยนชื่อหนังเป็น In the mood for (more Tony) Leung ด้วยซ้ำไป ชมกันได้ที่ ดิสนีย์พลัส ฮ็อตสตาร์  
Happy Together (1997)

     เหลียงเฉาเหว่ยเล่นหนังของหว่องการ์ไวไว้หลายเรื่อง และมอบการแสดงที่ดีในระดับที่เรียกได้ว่า ยกมาทั้งชุดเลยก็ว่าได้ โดยเรื่องนี้เขาประกบกับจางกั๊วหยง (เลสลี จาง - Leslie Cheung) อีกหนึ่งตำนานนักแสดงของฮ่องกง เคมีในการแสดงของทั้งคู่ที่รับบทเป็นคู่รักกันก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จนเป็นพลังสำคัญของหนัง รัศมีดาราของพวกเขาก็เจิดจ้าพอๆ กัน หนังได้ชื่อว่าเป็นงานโรแมนซ์รักร่วมเพศชั้นดี โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าด้วยความไม่สำคัญ และตัวตน โดยมีให้ชมที่ ดิสนีย์พลัส ฮ็อตสตาร์  
Lust, Caution (2007)

     การทำงานร่วมกับหลี่อัน (อั้งลี - Ang Lee) ผู้กำกับรางวัลออสการ์ เหลียงเฉาเหว่ยรับบทที่ท้าทายผู้ชมไม่น้อย เมื่อต้องเป็นคนเลว แต่ก็เป็นหนึ่งในไฮไลต์ทางการแสดงของเขา เนื่องจากแสดงถึงความหลากหลายในการทำงาน และเขาก็ทำได้เยี่ยม เมื่อคว้ารางวัลม้าทองคำสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ ซึ่งใครที่ได้ชมก็คงรู้ว่าเขารับบทเป็นตัวละครที่น่ากลัวได้ดีขนาดไหน ซึ่งเป็นผลจากความสามารถอันยอดเยี่ยมที่มีในตัว รวมทั้งเป็นอีกครั้งที่เขาทำให้นักแสดงร่วมจอโดดเด่นขึ้นมา โดยหนนี้เป็น ถังเวย (Tang Wei) ที่ตัวหนังเป็นแจ้งเกิดเธออีกด้วย  
Cyclo (1995)
     น่าจะเป็นงานที่คนรู้จักน้อยที่สุดของเหลียงเฉาเหว่ยที่หยิบมา หนังเป็นงานของผู้กำกับทรานอันห์ฮุง (Tran Anh Hung) และเป็นหนึ่งในงานยุคแรกๆ ที่ส่งเหลียงเฉาเหว่ยเป็นนักแสดงขวัญใจและรับรู้โดยทั่วไปว่าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของยุค หนังมีบทพูดน้อยมาก การนำเสนอก็ผิดแผกจากงานทั่วๆ ไป ตัวละครของเขาแทบไม่พูดอะไร เน้นไปที่การแสดงอารมณ์ผ่านสายตา ท่วงท่ามากกว่า ซึ่งต่อมาเป็นความโดดเด่นในตัวเหลียงเฉาเหว่ย และมีพัฒนาการสืบเนื่องมาเรื่อยๆ หนังคว้ารางวัลสิงโตทองคำจากงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิซครั้งที่ 52 มาครอง  
A City of Sadness (1989)
     งานช่วงที่เหลียงเฉาเหว่ยยังเป็นดาวรุ่ง แม้จะต้องเล่นเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน เขาก็รับมือได้เป็นอย่างดี แล้วถึงจะมีปัญหาเรื่องการใช้ภาษา เพราะพูดไต้หวันไม่ได้ แต่ก็หาทางนำเสนอตัวตนของตัวละคร และอารมณ์ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยไม่ต้องใช้คำพูดอะไรให้เยอะ ท้ายที่สุดหนังกลายเป็นงานที่ประสบความสำเร็จ ได้รางวัลสิงโตทองคำจากเทศกาลหนังเวนิซ และเป็นหนึ่งในงานที่ดีที่สุดของผู้กำกับ โหวเสียวเสียน (Hou Hsiao-Hsien)  
Chungking Express (1994)

     เรื่องของตำรวจ 2 คนที่อยู่ต่างกรรมต่างวาระ หนึ่งคือตัวละครของทาเคชิ คาเนชิโร (Takeshi Kaneshiro) ส่วนอีกคนเป็นของเหลียงเฉาเหว่ย ที่เมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ที่หยิบมา นี่เป็นงานซึ่งดูผ่อนคลาย สบายๆ ที่สุดของเขา กับการเป็นตำรวจที่ป่วยเป็นไข้ใจ ให้การแสดงที่ไม่ดรามานัก หนักไปทางใสๆ ใช้เสน่ห์ ดูเป็นคนแข็งนอกแต่ข้างในอ่อนไหว เห็นแล้วใครๆ ก็อดเอาใจช่วยวิบากกรรมความรักของเขาไม่ได้  
Shang-Chi and the Legend of Ten Rings (2021)
     จะว่าไปนี่คืองานที่ดูอ่อนด้อยที่สุดที่เลือกมาก็ว่าได้ แถมตัวละครของเหลียงเฉาเหว่ยก็ไม่ใช่บทนำ ปรากฏตัวบนจอก็ไม่มาก แต่แค่ที่มีก็ “เอาอยู่” และขโมยฉากนั้นมาเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะการสามารถสร้างความลึกให้ตัวละครได้สำเร็จ จนผู้ชมก็แอบปันใจให้ตัวละครของเขาที่เป็นตัวร้ายของเรื่อง ที่สำคัญนี่คือหนังพูดภาษาอังกฤษเรื่องแรกของเหลียงเฉาเหว่ยอีกด้วย ชมกันได้จาก ดิสนีย์พลัส ฮ็อตสตาร์  

หนังห้ามพลาดของหลิวเต๋อหัว

     ด้วยระยะเวลาในการทำงานที่ไล่เลี่ยกับเหลียงเฉาเหว่ย และกินระยะเวลามากกว่า 4 ทศวรรษ หลิวเต๋อหัวไม่ใช่แค่นักแสดงที่มากฝีมือ มากประสบการณ์ มีอายุการทำงานยาวนาน แต่ยังเป็นผู้อำนวยการสร้าง ที่อยู่เบื้องหลังผลงานสำคัญๆ ของวงการหนังฮ่องกงมากมาย จนกลายเป็นคนสำคัญในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง แล้วก็ไม่ต่างไปจากเพื่อนร่วมรุ่น เมื่อวงการภาพยนตร์โลกก็ให้ความสำคัญกับเขาเช่นกัน เห็นได้จากการรับรางวัลเกียรติยศจากเทศกาลภาพยนตร์โทรอนโท และแน่นอนกับการเลือกงานของเขาที่ควรชมก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน  
Boat People (1982)

     การทำงานร่วมกันครั้งแรกของหลิวเต๋อหัวกับแอนน์ฮุย (Ann Hui) ผู้กำกับมือรางวัล ถึงจะเป็นบทสมทบ ในงานที่ว่าด้วยนักข่าวชาวญี่ปุ่น ที่เดินทางไปทำสารคดีชีิวิตผู้คนในเวียตนาม แต่นักแสดงหนุ่ม (ในตอนนั้น) รายนี้ ก็ฉายแววด้านการแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ธรรมดา และหลังจากหนังเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องสุดท้ายในชุด Vietnam Trilogy ของฮุย เขาก็ได้บทนำเต็มตัวเรื่องแรก นอกจากจะถูกมองว่าเป็นงานที่ดีที่สุดของฮุย ที่่ส่งเธอไปสู่วงการภาพยนตร์โลกแล้ว ยังถูกมองว่าเป็นแรงผลักสำคัญในการทำงานของหลิวเต๋อหัว โดยเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ในงาน the Hong Kong Film Awards

 
As Tears Go By (1988)

     นอกจากจะรู้กันว่าเป็นงานกำกับเรื่องแรกของหว่องการ์ไว ยังเป็นที่จดจำด้วยว่า เป็นงานที่หลิวเต๋อหัวเผยความสามารถทางการแสดงอีกด้านหนึ่ง ด้วยการทำงานดรามาจัดๆ ในบทหวอ (Wah) สมาชิกแก๊งนักเลง ที่พยายามช่วยฟลาย (Fly) เพื่อนที่รับบทโดยเลสลี จาง ให้พ้นจากปัญหา โดยตัวเองก็แอบปิ๊งลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนในเวลาเดียวกัน การแสดงของทั้งคู่เข้าขากันเป็นอย่างดี จนถือว่าเป็นเสน่ห์และแรงดึงดูดสำคัญของหนัง  
A Moment of Romance (1990)

     งานที่พลิกผันชีวิตการทำงานของหลิวเต๋อหัว และหนังเรื่องสำคัญอีกเรื่องในชีวิตการทำงานของเขา ที่โดดเด่นตั้งแต่ชื่อตัวละครในเรื่อง หวอ ดี (Wah Dee) ซึ่งไปพ้องกับชื่อจริงๆ ของเจ้าตัว ตัวหนังเองถูกมองว่าเป็นหนึ่งในหนังฮ่องกงคลาสสิก ที่มูลเหตุหนึ่งก็คือ การแสดงที่หลิวเต๋อหัวมอบให้ ซึ่งทำได้ดีทั้งฉากแอ็กชันและโรแมนซ์ และต่อให้มองว่าบทหวอ ดีก็แค่อีกหนึ่งบทกุ๊ยข้างถนน แต่เขาก็มอบความลึกให้ตัวละคร ในเรื่องราวแบบดอกไม้ในมือมารยุคใหม่ได้สำเร็จ เมื่อตัวละครของหลิวเต๋อหัวตกหลุมรักกับลูกสาวเศรษฐีผู้ใสซื่อ  
House of Flying Daggers (2004)

     หนังกำลังภายในโรแมนซ์ของจางอี้โหมว (Zhang Yimou) ที่หลิวเต๋อหัว พลิกจากฮีโรมาเป็นตัวละครเทาๆ ที่จะดีก็ไม่ดีร้ายก็ไม่ร้าย ซึ่งส่งทักษะด้านการแสดงของเขาให้โดดเด่นเต็มๆ ตา จนเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยให้หนังกำลังภายในเรื่องนี้ยกระดับไปอีกขั้น เพราะนอกจากจะให้ฉากแอ็กชันสวยๆ ตามสไตล์ของหนังแนวนี้และผู้กำกับ แต่ยังมีมิติเรื่องของความรัก ที่ถูกผสมผสานเข้ามาเป็นอย่างดี โดยหลิวเต๋อหัวต้องประกบกับนักแสดงหัวแถว อย่าง จางซื่อยี่ (Zhang Ziyi) และทาเคชิ คาเนชิโร หนังมีให้ชมที่ ดิสนีย์พลัส ฮ็อตสตาร์ และอ้ายฉีอี้  
The Warlords (2007)

     หากอยากดูหนังสักเรื่องที่มีนักแสดงชายตัวท็อปขึ้นจอด้วยกันถึง 3 คน นี่คืองานห้ามพลาด เมื่อมีทั้งหลิวเต๋อหัว ทั้งคาเนชิโร และหลี่เหลียนเจี๋ย (Jet Li – เจ็ตลี) อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ของวงการภาพยนตร์แดนมังกร หนังว่าด้วยชายหนุ่ม 3 คน ที่สาบานเป็นพี่น้องกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในจิตใจ ทำให้พวกเขาไม่อาจปฏิบัติตามคำสาบานได้ นักแสดงทั้งสามคนไม่ใช่แค่ทำได้ดีในบทของตัวเอง แต่ยังรับ-ส่งกันได้เยี่ยม ไม่มีใครที่เล่นมากไปหรือน้อยไป ไม่มีใครที่ข่มใคร สมเป็นงานที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของตัวละครสามคน หนังกำกับโดยปีเตอร์ ชาน (Peter Chan) ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อในการทำงานโรแมนซ์ อย่าง Comrades , Almost a Love Story มีให้ชมที่ อ้ายฉีอี้

 
A Simple Life (2011)

     การกลับมาทำงานร่วมกับแอนน์ ฮุยอีกครั้ง ของหลิวเต๋อหัวและยิปตั้กห่าน (ดีนี ยิป - Deanie Ip) ซึ่งต่างก็เป็นเพื่อนสนิทกัน โดยฮุยเผยในเวลาต่อมาว่า เธอเลือกทั้งคู่ก็เพราะความสนิทสนมที่มี โดยยิปไม่ใช่แค่แม่ทูนหัวของหลิวเต๋อหัว แต่ยังเคยเล่นเป็นแม่เขาในหนังมากมายหลายเรื่อง และเรื่องนี้หลิวเต๋อหัวก็มอบทั้งการแสดงระดับกระชากน้ำตา ผ่านบทโรเจอร์ เหลียง (Roger Leung) ทั้งการทำงานที่ส่งการแสดงของยิปให้โดดเด่น จนคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมของเทศกาลหนังเวนิซครั้งที่ 68 มาครอง ซึ่งเธอเป็นนักแสดงหญิงฮ่องกงคนแรกที่คว้ารางวัลนี้  
Shock Wave (2017)

     งานสุดระทึกที่ทำให้ผู้ชมลุ้นไม่ติดเบาะ ดูไปกัดเล็บไป ของผู้กำกับเฮอร์แมน เหยา (Herman Yau) ที่ทำงานกับหลิวเต๋อหัวเป็นหนที่สามแล้ว หนังมีฉากแอ็กชันเข้มๆ ที่เป็นไฮไลต์อยู่หลายฉาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแสดงที่เปล่งรัศมีสุดๆ ของเขาก็เป็นแรงส่งสำคัญของหนัง กับบทเป็นเจ้าหน้าที่กู้ระเบิด ที่หน้าที่การงานทำให้ต้องเผชิญหน้า กับอาชญากรมือวางระเบิดระดับเทพชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยบทที่เขาเล่นก็ยังมีความเป็นตัวละครแบบหลิวเต๋อหัว เพราะแม้จะวุ่นวายกับการปกป้องเมือง แต่เรื่องโรแมนซ์ก็ไม่ขาด โดนหวานใจในเรื่องนี้ของเขาคือครูสาวที่รับบทโดย ซ่งเจีย (Song Jia) หาดูได้จาก โมโนแม็กซ์


WATCH



อ้างอิง: /

      
              

WATCH

 
fun88nz 8xbet555 68 Game bài 68 game bài sunwin 8xbet tải